สวัสดีทุกท่านครับ
กลับมาต่อกันถึงเรื่องราวของดราม่า ที่คาใจ แพทย์(ผมคนเดียว) กันต่อนะครับ
กับเรื่องราวของละครบ้านเราที่บ่อยครั้ง มักจะมีอะไรมาให้ “คาใจ” หรือ “ขำๆ”
กันสักหน่อยกับบางรายละเอียดที่ไม่ค่อยสมจริง ชนิดที่บางครั้งดูไปก็ “ฮา” ไป
แต่บางครั้งดูไปก็แอบหงุดหงิดในใจ(เล็กน้อย)ว่า ทำให้เหมือนกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้
เฮ้อ.....
อุปกรณ์
ทางการแพทย์
หลายครั้งครับที่
เรามักจะเห็นการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่อง
ซึ่งผมก็อธิบายไปบ้างแล้วในภาคที่แล้ว ในเรื่องของเครื่องช่วยหายใจกับอุปกรณ์ที่ช่วยให้ออกซิเจนว่าถ้าเอาจริงๆแล้วเนี่ย
มันคนละอย่างกัน
ยังมีอีกหลายอย่างครับที่บางครั้งไม่ค่อยสมจริง
หรือบางครั้งหมอดูไปอุทานไป เฮ้ย !!!
จริงง่ะ ซึ่งผมมั่นใจว่าหมอหลายๆท่านที่มีโอกาสได้ดูละครจะรู้สึกแปลกๆเช่นเดียวกับผม
(หาพวก)
สถานการณ์ที่ 1
ณ ห้องพักคนไข้แห่งหนึ่งซึ่งแน่นอนที่สุด
มีป้ายชื่อโรงพยาบาล ใหญ่กว่าตัวคนไข้ซะอีก ติดอยู่ที่หัวเตียง
มีชายชรา อายุ 80 ปี หัวหงอก
ในปากมีท่อช่วยหายใจ(อ่านได้จากภาคที่แล้ว) นอนนิ่งอยู่ท่าทางอิดโรย
มีญาติล้อมรอบอยู่เต็มไปหมด
ตัดฉากไปที่ประตู พระเอกเปิดประตูเข้ามา
หน้าตาลนลาน ตกใจ
“คุณปู่ !! คุณ ปู่ครับ ผมมาแล้ว!!”
คนไข้ค่อยๆลืมตา ช้าๆ มองซ้ายขวา
ก่อนกล้องจะจับโฟกัส เบลอๆ ก่อนค่อยๆ ให้เห็นชัดขึ้นเป็นหน้าพระเอก
“ในที่สุดเจ้าก็มา”
“ครับ
ผมมาแล้วคุณปู่”
“ปู่ดีใจที่เจ้ามาทันก่อนที่ปู่จะ
เฮือกกกกก อ๊อก อั่ก”
“ปู่ครับ !! หมอๆ!!!”
“หยุด !!ฟังปู่นะ พินัยกรรม อยู่ที่
อยู่ที่..... ใต้ขวดน้ำยาล้างฟันปลอมของป...ปู่ อ๊อก !!!!”
ภาพตัดสโลว์คุณปู่หลับตา
มือตกข้างเตียง และแน่นอนที่สุด ต้องมีรูปของปู่สักรูป ตกลงมาจนได้
สาเหตุ การเสียชีวิตของปู่ในเรื่อง
คุณคิดว่าส่วนหนึ่งมาจากอะไรครับ หลายท่านอ่านมาคงงง จะรู้ได้ไงหมอ
คนไข้เป็นไรไม่รู้ อยู่ดีๆก็ เฮือก อ๊อก อั่ก (อันนี้ผมก็แปลกใจนะ
ทำไมเกือบจะทุกเรื่อง ต้อง 3 step
ตลอด)
คำตอบแบบ มั่วๆของผมเองคือ หมอน่าจะใส่ท่อช่วยหายใจผิดครับ(อันนี้ประชดนะ)
ที่ผมจะสื่อก็คือ เมื่อคนไข้ใส่ท่อช่วยหายใจแล้ว คนไข้จะพูดไม่ได้ครับลูกพี่ !!!
แหมอันนี้มาเป็นประโยคเชียว
บอกขนาดอยู่ใต้ขวดน้ำยาล้างฟันปลอมเชียว
ท่อช่วยหายใจเนี่ย เวลาใส่
เค้าจะใส่ผ่านกล่องเสียงลงไปในหลอดลมครับ เมื่อใส่แล้วคนไข้จะพูดไม่ได้ และการใส่ท่อในลักษณะนี้ละครับ
ที่เป็นสาเหตุให้ในบางครั้งคนไข้ที่ใส่ท่อช่วยหายใจแล้วถอดท่อช่วยหายใจออกแล้ว อาจจะมีเสียงแหบตามมาได้บ้าง
ขอบคุณ รูปต้นฉบับจาก http://respiratorytherapycave.blogspot.com(ก่อนที่ผมจะนำมาตกแต่งตัดต่อเพิ่มเติม)
สถานการณ์ที่ 2
หลังจากพระเอกเข้าไปช่วยบังกระสุนนางเอกที่กำลังจะโดนนางร้ายยิง
(มักจะโดนหลัง บริเวณสะบักด้านใดด้านหนึ่ง) พระเอกก็ถูกนำส่งโรงพยาบาลทันที !!
ภาพตัดไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง(อย่าลืม
ป้ายชื่อโรงพยาบาลต้องชัด) เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ตัดฉากไปที่หัวมุมสักหัวมุมหนึ่ง
(ส่วนใหญ่จะเลี้ยวมาจากด้านขวาของจอ) รถนอนที่เข็นพระเอกจะถูกเข็นมา
ลักษณะภาพเข็นเข้าหาหน้าจอ(เข้าหาคนดู) พร้อมกับ ชาย
อายุประมาณ 45-50 ปีรูปร่างท้วม ผมหงอกนิดหนึ่ง
ห้อยหูฟัง ใส่เสื้อกาวน์ยาว ใส่แว่น วิ่งตามมาแบบหน้านิ่ง ไม่ได้อารมณ์ และ
แอคติ้ง ห่วยมากกกกกกกกก วิ่งมาพร้อมกับหญิง 1 นางเป็นพยาบาล
แต่งหน้าได้สวยสะเทือนใจไม่เปลี่ยนแปลง ทำหน้าที่ ช่วยให้ออกซิเจนผ่านอุปกรณ์ ถ้าท่านคิดภาพไม่ออก
ก็หน้ากากออกซิเจนที่มีลูกกลมๆบีบๆนั่นละครับ และเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่เข็นเตียง 1 คน (ซึ่งมักจะดูหล่อกว่าหมอในเรื่อง) และแน่นอน
นางเอก
“นาย นายต้องไม่เป็นอะไรนะ
ชั้นจะอยู่ข้างๆนาย”
“เอ่อ...อึก อัก คุณ อัก ปลอดภัย
ก็ดีแล้ว”
“ไม่ต้องพูดแล้ว
นายต้องอยู่กับชั้นนะ ห้ามทิ้งชั้นไปไหนนะ”
“ผม ขอ....ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร บอกแล้วไม่ต้องพูดอะไร”
“ผมมีความสุ.....ความสุขมากที่ได้ปกป้องคุณ
อั่ก”
ตัดฉาก
เอาภาพอดีตที่ถ่ายทำไปแล้ว ฉากกุ๊กกิ๊ก แต่ทำสโลว์ ไม่ก็ทำเป็นขาวดำ
เพลงประกอบละครช้าๆขึ้น มักจะเป็นเพลงที่ไว้เปิดตอน ละครจบแล้ว เปิดประมาณ 1 เบรกหรือ
5-10 นาที จากนั้นตัดฉาก พระเอกถูกนำตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พร้อมประโยคคลาสสิก
“เข้าไม่ได้นะคะ!! ญาติเข้าไม่ได้นะคะ!!”
ในสถานการณ์นี้
ผมมีเรื่องคาใจอยู่บางประการครับ
ประเด็นแรกประมาณ 50 % ของ ละครไทย ครับ มักครอบหน้ากาก
กลับด้าน!! อย่างๆน้อยๆ 2-3 เรื่องครับที่เห็นมา กลับบนลงล่างกลับล่างขึ้นบน
อาจจะเป็นด้วยรูปทรงของหน้ากากที่ทำให้เข้าใจผิดว่า มันเรียวลงให้เข้ากับคาง
ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ครับ ด้านที่แคบนั้นเค้าเอาไว้ครอบจมูก
ส่วนด้านที่กว้างกว่าเค้าเอาไว้ครอบปาก
ขอบคุณรูปต้นฉบับจาก www.facebook.com(ก่อนที่ผมจะนำมาตกแต่งตัดต่อเพิ่มเติม) ซึ่งต้องขออภัยไม่แน่ใจว่าใครเป็นเจ้าของภาพ share เค้ามาอีกที
ในรูปนี้ ครอบหน้ากากผิดนะครับ(กลับด้าน) ที่ถูกต้องคือต้องครอบตามลูกศรสีแดง คือกลับบนลงล่างกลับล่างขึ้นบน
ในรูปนี้ ครอบหน้ากากผิดนะครับ(กลับด้าน) ที่ถูกต้องคือต้องครอบตามลูกศรสีแดง คือกลับบนลงล่างกลับล่างขึ้นบน
อันนี้ครอบถูก และต้องมีอีกมือมาช่วยให้การครอบหน้ากากสนิทกับหน้าคนไข้ด้วยครับ (จริงๆวิธีครอบมีรายละเอียดมากกว่านี้มาก เอาง่ายๆว่าถ้าในละครครอบประมาณนี้ก็สมจริงแล้วครับ) ขอบคุณ http://www.ambu.com
ประเด็นต่อไปเป็นอีกประเด็นที่คาใจคือเรื่องของห้องฉุกเฉินครับ
ด้วยประสบการณ์และวัยที่ยังถือได้ว่า ละอ่อน บ้องแบ้ว ไร้เดียงสา
(อ้วกออกมาเถอะครับ) ทำให้ผมไม่แน่ใจนักว่าห้องฉุกเฉินเนี่ย
มันไกลจากทางเข้าโรงพยาบาลมากนักรึไง
หลายๆครั้งที่เราจะเห็นครับ ว่ากว่าจะเข็นคนไข้ในเรื่องเข้าห้องฉุกเฉินได้ต้องเข็นเป็นทางไกลพอสมควรเลย
(มีเวลาหวนย้อนคิดถึงอดีตได้นานมาก) ไกลและนานจนรู้สึกได้ว่าทำไมเข็นไกลจัง ถ้าเข็นจากห้องฉุกเฉินแล้วไปห้องผ่าตัดด่วนอันนี้พอเข้าใจได้ครับว่าอาจจะต้องเข็นข้ามตึก
แต่สถานการณ์ที่พอถึงหน้าโรงพยาบาลแล้ว เข็นเข้าห้องฉุกเฉินเนี่ยมันไกลขนาดนั้นเลยเหรอ?
ปกติเท่าที่เคยเห็นมา ห้องฉุกเฉินเนี่ย
มักจะอยู่หน้าโรงพยาบาลเลยนะครับ ชนิดที่ว่ารถพยาบาลจอดปุ๊บ ลงเตียงเข็น แป๊บๆ
คนไข้ก็อยู่ในห้องฉุกเฉินเรียบร้อย
ไม่เคยเห็นเหมือนกันที่พอลงรถนอนแล้วต้องเข็นๆๆๆ แล้วก็บอกทำใจดีๆไว้ คุยกันยาว
เข็นกันไกล มีเวลาบอกรักกันจนจะจัดงานแต่งงานกันได้ ถึงจะเข้าไปในห้องฉุกเฉิน (อันนี้ใครมีประสบการณ์เคยเห็นห้องฉุกเฉินที่ไกลจากหน้าโรงพยาบาลมากบอกได้ครับผมไม่เคยเห็นจริงๆ)
ประเด็นต่อไป คุณผู้อ่านรู้จัก ห้องฉุกเฉินไหมครับ....??
แล้วรู้จัก ไอซียู รึเปล่า?? ท่านคิดว่า เป็นห้องเดียวกันไหมครับ???
เฉลย!!! (เอ้า!เร็วจริง)
ห้องฉุกเฉินคือ ER หรือ Emergency room ครับ ไว้สำหรับคนไข้ฉุกเฉินต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
(สามารถไปย้อนอ่านใน blog เรื่องหน่วยต่างๆในโรงพยาบาลได้)
เช่น งูกัด ไส้ติ่งอักเสบ ถูกยิง หอบหืด โดนมีดฟันมา เป็นต้น
ห้อง ไอซียู หรือ
ICU ที่ท่านรู้จัก ชื่อเพราะๆ เค้าคือ หน่วยอภิบาล หรือบางที่ก็จะเรียก
หอผู้ป่วยหนัก หอผู้ป่วยวิกฤต ไว้สำหรับดูแลคนไข้ที่เจ็บป่วยหนัก อาการหนัก
ต้องมีการเฝ้าดูแลด้วยทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดใหญ่
ผู้ป่วยมีติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง และภาวะการหายใจล้มเหลว เป็นต้น
แล้วมันต่างกันยังไงละ??
ผมสรุปง่ายๆแล้วกันครับ คนไข้ที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน ก็ไปที่ห้องฉุกเฉิน (ห้องฉุกเฉินแสดงถึงความเร่งด่วน)
ส่วนคนไข้ที่มีอาการหนัก(ซึ่งมักต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน)
ที่ได้รับการประเมินและรักษามาบ้างแล้วจากห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด
ตึกผู้ป่วยในแต่ยังมีอาการหนัก แพทย์ก็มักจะส่งตัวไปที่ไอซียูเพื่อติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด (ไอซียูแสดงถึงความป่วยหนัก
อาการหนัก)
ยกตัวอย่างแล้วกัน เช่น
เป็นไส้ติ่งอักเสบ ถามว่าควรได้รับการรักษาเร่งด่วนหรือไม่ คำตอบคือ ใช่
เพราะฉะนั้นคนไข้ก็ต้องไปที่ห้องฉุกเฉิน แต่หลังจากผ่าตัดแล้ว จำเป็นต้องนอนไอซียูหรือไม่ คำตอบคือแล้วแต่กรณี
หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไร ผ่าเสร็จอาการดี ไม่ติดเชื้อในกระแสเลือด ไม่มีปัญหาอะไรตามมา
ไม่มีอาการหนัก ก็ไม่ต้องนอนไอซียู...(ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องนอน)
หรืออีกกรณี มานอนโรงพยาบาลแล้วด้วยเรื่อง
ปอดติดเชื้อ มาถึงโรงพยาบาลตอนแรกอาการไม่หนักมาก นอนรักษาที่ตึกผู้ป่วยใน แต่หลังจากนอนรักษาไปปรากฏว่ามีการติดเชื้อในกระแสเลือด ไตวาย
เกลือแร่ผิดปกติอย่างรุนแรง เริ่มหายใจเองลำบาก แพทย์ประเมินแล้วว่าผู้ป่วยอาการหนัก
ต้องได้รับการดูแลติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิดแพทย์ก็จะส่งไปที่ ไอ ซี ยู
โดยที่ไม่ได้ส่งไปที่ห้องฉุกเฉินแต่อย่างใด
แล้วถ้ามาด้วยอาการที่ทั้งด่วนและหนักด้วยละ อย่างกรณีโดนยิงมา มาถึงโรงพยาบาลด้วยอาการที่ต้องรักษาแบบรีบด่วนและอาการหนักด้วย(ทั้งด่วนทั้งหนัก) แต่คนไข้ที่โดนยิงเพิ่งมาโรงพยาบาลครั้งแรก
ยังไม่ได้รักษาที่ใดมาก่อน
ก็น่าจะต้องเข้าห้องฉุกเฉินก่อน เพื่อรับการรักษาเบื้องต้น
ไม่ให้เป็นอันตรายแก่ชีวิต หลังจากนั้น หากแพทย์ประเมินแล้วว่าอาการคนไข้ยังหนักอยู่
หรือหลังจากได้รับการผ่าตัดกระสุนออกแล้ว แพทย์ประเมินว่าต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
ก็จะส่งต่อไปที่ ห้องไอซียูอีกที
พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างนะครับว่าถ้ามาถึงโรงพยาบาลมีอาการรีบด่วนก็ไปห้องฉุกเฉิน แต่ถ้าอยู่โรงพยาบาลแล้วรักษาบ้างแล้วแต่ว่าอาการหนักแพทย์ประเมินว่าต้องดูแลอย่างไกล้ชิดแพทย์ก็จะส่งไปที่ ไอซียู มีน้อยครั้งครับที่เมื่อคนไข้มาถึงโรงพยาบาลแล้วจะเข็นเข้าห้องไอซียูไปเลยโดยไม่ได้รับการประเมินจากแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินมาก่อน
เว้นแต่ในกรณีที่เป็นการรับคนไข้อาการหนักมาจากโรงพยาบาลอื่นที่คนไข้อาจจะได้รับการรักษามาบ้างแล้ว
เมื่อแพทย์มีการติดต่อกันเรียบร้อย ก็จะส่งเข้าไอซียูไปเลยขึ้นกับคนไข้เป็นกรณีไปครับ
เพราะฉะนั้นโดยส่วนใหญ่
ตัวเอกทั้งหลายที่เจ็บป่วยแบบฉุกเฉิน มักจะต้องเข้าห้องฉุกเฉินก่อนครับ
เพราะเคยเห็นละครเรื่องหนึ่ง คนไข้โดนยิง ยังไม่ได้รับการรักษาอะไรก่อนเลย
เข็นเข้าห้องมีป้ายไอซียูด้วยเฉยเลย แบบงงๆ หมอ(ในเรื่อง) ยังบอก ตอนนี้คนไข้อาการหนักนะครับ
ต้องรักษาแบบเร่งด่วน ต้องเข้าไอซียูก่อน??? ซึ่งจริงๆน่าจะเข้าห้องฉุกเฉินก่อนนะครับ
คำพูดของหมอ
คำพูดของหมอ
มีอีกกรณีนั่นคือ
คำพูดของหมอครับ ในละครบางเรื่อง เพื่อให้คนดูเข้าใจก็มีการ “แปลเป็นไทย” ด้วยแต่บางครั้งก็มีฮากันบ้างครับ
เพราะบางครั้งแปลผิด บางครั้งแปลถูก และบางครั้งไม่เข้ากับสถานการณ์
สมมติคนไข้ในเรื่อง
มี “ภาวะหัวใจหยุดเต้น”
ในสถานการณ์จริงก็มักจะฉุกละหุกละครับ
ใน ซีรีย์ฝรั่ง จะทำได้ค่อนข้างเหมือน คำพูดก็จะประมาณ(ผมขอใช้คำอ่านภาษาไทยสะกดตามละกันนะครับ)
“คนไข้ แอเรสต์ หมอ”
“แอเรสต์ !! ซีพีอาร์เลย เตรียม เครื่องดีฟริบ
แล้วติด หลีดด้วย เตรียม ทิวบ์ 7.5 แอมบู
ซัคชั่น ฯลฯ อะดรีนาลินมา”
ในละคร
“คนไข้ชีพจรหยุดเต้น
หมอ”
“คนไข้ชีพจรหยุดเต้น
ไม่หายใจ คุณพยาบาล เตรียมการช่วยชีวิตผู้ป่วยขั้นสูง ปั๊มหัวใจเลย เตรียมเครื่องช็อตไฟฟ้า
ให้ผม (น่าจะเป็นเครื่องกระตุ้นหัวใจมากกว่า)......(พูดช้าๆดูชิลๆ) ” ...............-_-‘
มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ใช่ ... ผมว่าเรื่องความเข้าใจในคำพูดหมอ
ใช้การแสดง ช่วย และทำให้บรรยากาศและสถานการณ์ของเรื่องมันดูฉุกเฉิน
คนดูก็พอเข้าใจได้ว่าปั๊มหัวใจช่วยชีวิตอยู่มั้งครับ
พี่เล่นแปลไทยแล้วพูดเหมือนท่องๆ อีกต่างหาก มันเลยดูตลกๆไปนิดหนึ่ง
เอาละครับ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งนะครับ
ของเรื่องที่ผม คาใจ และ ขยุกขยิกเหมือนติดในใจเล็กๆเกี่ยวกับความไม่สมจริงในบางอย่างของละครซึ่งจริงๆแล้วยังมีอีกเยอะครับ
เช่น
- บอกชื่อโรคไม่หมด ชื่อโรคภาษาอังกฤษกับภาษาไทยในบทไม่ตรงกัน เช่นคุณเป็นโรคหัวใจ (ลิ้นหัวใจรั่ว? เส้นเลือดหัวใจตีบ? กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ? หัวใจเนี่ยมีหลานส่วนนะครับ)
- การรักษาเหมือนการ์ตูน ผ่าตัดใหญ่แต่ 2 วันคนไข้ออกจากโรงพยาบาลได้
- เอกซเรย์ติดกลับด้าน ติดกลับหัว ดูเอกซเรย์กะโหลกศีรษะธรรมดา แต่หันมาบอกตัวเอกในเรื่องว่า เป็น มะเร็งในสมอง
แต่ถ้ามานั่งเล่ากันก็จะไม่จบซะที อาจได้อีก
85 ภาค (อันนี้เว่อร์) เอาเป็นว่าจริงๆถ้าหาข้อมูลบ้างเล็กน้อยๆ
ปรับอีกนิดๆหน่อยๆละครก็จะได้ความสมจริงมากขึ้นนะครับ คงไม่ต้องเหมือนเป๊ะขนาดนั้นหรอกครับเข้าใจครับว่ามันเป็นแค่ละคร
แต่เอาแค่ไม่ดูเกินจินตนาการไป เข้าใกล้ความจริงบ้างก็โอเคแล้ว
ปล.
1.
ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่างที่บอกว่ามาบ่นเฉยๆแต่อยากบ่นให้คนอื่นได้ยินด้วย
เข้าใจครับว่าละคร ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องเหมือนเป๊ะขนาดนั้น
แค่ใกล้เคียงของจริงบ้างก็ดี เพื่อความสนุกสมจริง
2. เว็บที่อ้างอิงผมนำรูปภาพ เค้ามาเฉยๆนะครับ ส่วนเนื้อหาในเว็บนั้นๆผมไม่ได้คัดกรอง หากท่านจะตามไปอ่านโปรดใช้วิจารณญาณนะจ๊ะ
3.หลายท่านที่อาจจะรำคาญที่ไม่เห็นรูป(ผมโพสต์รูปไม่ได้)
หา blog ผมเอานะครับ ถาม “ หมอใหม่หัวใจแนว” ทาง google หรือ
facebook ได้เลย ไปกด like กันเยอะๆ(ถ้าลง ลิงค์เดี๋ยวกระทู้หายครับ)
4. ตอบอีกครั้ง
เรื่องให้กิฟท์ ขอบคุณนะครับ แต่ผมถนัด mobile
register มากกว่า
ช่วงที่เขียนอยู่นี้
เด็กๆ กำลังลุ้นผลแอดมิดชั่น กันอยู่ครับ เห็นอยากเป็นหมอกันหลายคน เด็กคนนั้นก็อยากเป็น
เด็กคนนี้ก็อยากเป็น ส่วนคนที่เป็นหมอแล้ว ก็มานั่งบ่น หมอเหนื่อยแล้ว อยากลาออกแล้ว
งั้นครั้งหน้ามาดูเรื่องนี้กันดีกว่าเนาะ.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น