กลับมาต่อกันกับอีก 1 เรื่องราวที่มาอยากนำมาเล่าให้ฟังกันสนุกๆนะครับ เรื่องราวของคนไข้แบบนี้ จุดจุดจุด แบบไหนก็เติมกันเอาเอง อย่างที่บอกเรื่องนี้นำมาเล่าให้ฟังเป็นเหมือนการเล่าประสบการณ์การรักษาอย่างหนึ่งนะครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็ยังเป็นคนไข้ที่ต้องรักษาอยู่ดี
สำหรับท่านที่ยังงงๆว่านี่ใคร เรื่องอะไร ตามกระทู้นี่ไปครับ
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L13074933/L13074933.html
ภาคที่แล้วก็เล่าเรื่องของความเมา ไปแล้วนะครับ ความเมานี่นอกจากจะทำให้สุขภาพกายเสื่อม สุขภาพจิตเสื่อม ยังทำให้สุขภาพคนอื่นเสื่อมไปด้วยนะครับ และที่สำคัญที่บอกว่ามีปัญหาแล้วกินเหล้า (คนไข้อ้างบ่อยว่าเป็นความจำเป็น หมอไม่เป็นผมหมอไม่รู้หรอก) อันนี้ไม่ช่วยครับ เพราะปัญหาก็ยังอยู่เหมือนเดิม สมรรถภาพในการแก้ปัญหานั้นๆจะลดลงไปด้วย แถมจะไปมีโอกาสก่อปัญหาเพิ่มเติมกันต่อไปอีก เพราะฉะนั้นปีใหม่ (จริงๆก็เวลาอื่นด้วย) ก็ระวังเรื่องสุขภาพและการดื่มเหล้ากันไว้นิดหนึ่งก็ดีครับ...
และแน่นอนครับ เพื่อความอินอย่าลืมนึกว่าท่านเป็นหมอไปด้วยนะครับ เพื่อรสชาติและการเข้าใจหัวอกหมอ (โบร้ยยยยขนาดนั้น)
1. ท่านเลือกคนไข้ไม่ได้ครับ คงต้องเจอบ้าง
2. ท่านไม่สามารถบอกว่าไม่รักษาคนไข้คนนี้ ปล่อยไว้ตรงนี้ ช่างเค้าไม่สนใจไม่ได้ครับ
3. การตอบโต้ใดของท่านจะส่งผลถึงการฟ้องร้อง ร้องเรียน ทั้งต่อหน่วยงานที่สังกัด ออกสื่อ ปัญหามากมายที่จะตามมา
4. Copy paste จากภาคที่แล้วชัดๆ
เอาละๆเรามาต่อกันเลยดีกว่าเนาะ กับเรื่องราวต่อไปว่าคนไข้แบบไหน ที่.....(จุดจุดจุด)
2. คนไข้ VIP และ อยาก VIP
ประเด็นนี่ซุ่มเสี่ยงต่อการเขียนมากครับ แต่ก็นะอยากเขียนอ่ะ เอาเป็นว่าลบเลี่ยง เอาแบบฉิวๆละกัน
VIP ในที่นี้ ผมขออนุญาตหมายถึง Very Important Person ละกันนะครับ ก็คือบุคคลที่สำคัญมากกกกก สำคัญเป็นพิเศษ
หลายๆครั้งนะครับที่หมอมักจะต้องตรวจคนไข้ที่เป็นในลักษณะที่ตัวคนไข้เข้าใจเองว่าเป็น VIP และญาติหรือคนที่นำมาเป็น VIP
สำหรับหมอท่านอื่นผมไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่อว่าหมอโดยส่วนใหญ่เวลารักษาคนไข้ ก็รักษาคนไข้ทุกคนประหนึ่งว่าเป็น “คนไข้เหมือนกัน” นั่นละครับ ส่วนวิธีการรักษา ยาที่ใช้ การผ่าตัด อุปกรณ์ทางการแพทย์ รูปแบบการรักษา อาจมีแตกต่างกันไปบ้าง อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสิทธิคนไข้ ค่าใช้จ่าย เพราะการรักษาแต่ละแบบค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกันไปนะครับ แต่โดยตัวโรค พื้นฐานการรักษา VIP ไม่ VIP ก็รักษาเหมือนกันนั่นละครับ
คนไข้ที่(ว่ากันว่าและเข้าใจกันไปเองว่า)เป็น VIP เนี่ยส่วนใหญ่ก็จะเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในสังคม ตำแหน่งใหญ่โต รวยมาก สื่อ ผู้มีอิทธิพล อะไรประมาณนี้ หรือรู้จักสนิทกับบุคคลเหล่านี้ รู้จักคนดัง สนิทเป็นพิเศษ ญาติสื่อมวลชน รู้จักกับอาจารย์หมอดังๆ ซึ่งขออนุญาตและละไว้ในฐานที่เข้าใจ (หรือไม่ก็ตาม) ละกันนะครับ
ทีนี้คนไข้เหล่านี้ ทำไม จุดจุดจุดละ ในคนไข้เหล่านี้บางคน (ย้ำนะครับบางคน) มักจะใช้ความเป็น VIP ในทางไม่ถูกไม่ควร และปัญหาคือแพทย์เอง บางครั้งก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ เอาเหตุการณ์เล่ากันเลยแล้วกัน
ตัวอย่างเหตุการณ์
หมอหนุ่มคนหนึ่ง ขณะออกตรวจ ผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง คนไข้ก็นอนรอคิวเรียงตรวจเป็น 10 คนละครับ ต้องอธิบายและชี้แจงก่อนนะครับ ว่าการตรวจคนไข้ที่ห้องฉุกเฉินเนี่ย เราจะเรียงคิวตาม “ความเร่งด่วนที่ต้องรักษา” เช่นถ้าคนไข้มาด้วยปวดท้องโรคกระเพาะ แม้จะเข้ามาตรวจก่อนแต่ถ้ามีคนไข้หัวใจหยุดเต้นเข็นเข้ามา หมอก็ต้องไปดูคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นก่อนเพราะห้องฉุกเฉินจะเน้นคนไข้ที่ฉุกเฉินและต้องรักษาก่อนตามความเห็นแพทย์ และพื้นฐานของโรคนะครับ (จะมีจุดคัดกรองที่ด้านหน้าก่อนที่จะเข้าไปห้องฉุกเฉิน) ไม่ใช่ความฉุกเฉินของญาติ เพราะผมเชื่อและเข้าใจว่าคนไข้ที่มาโรงพยาบาลก็จะมีความเชื่อว่าโรคของตัวเองเร่งด่วนและฉุกเฉิน อยากรักษาเร็วๆทุกคนนั่นแหละครับ
ประเด็นก็คือในวันนั้นมีหมอที่ห้องฉุกเฉินประมาณ 3-4 คนครับก็มีคนไข้เข้ามาตรวจเยอะจริงๆประมาณ 20-25 คนได้ ดังนั้นก็ต้องมีการจัดเรียงคิวตรวจตามความเร่งด่วน
ชายหนุ่มอายุ 40 ต้นๆ คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาหมอแล้วโวยวายครับ
“ทำไม หลานผมยังไม่ได้ตรวจซะที!!!”
“คิวที่ 10 สีเขียวนะครับ อาจจะต้องรอสักครู่ เป็นไรมาครับ”
“ปวดท้องมา”
หมอหันไปดูก็เห็นคนไข้เป็นเด็กอายุประมาณ 15 ปีครับ นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ ท่าทางไม่ได้ปวดมากครับ
“ครับเดี๋ยวผมไปดูให้ ต้องขอโทษด้วยคนไข้เยอะมาก ผมอาจจะต้องไปดูคนไข้ที่แย่กว่าก่อน”
“รอๆๆๆๆๆ จะให้รอไปถึงเมื่อไร จะเป็นชั่วโมงอยู่แล้วนะ”
“ครับ เดี๋ยวไปดูให้ครับ”
“หมอ !!! ผมมีญาติเป็นนักข่าวนะหมอรู้ใช่ไหม สื่อเนี่ยกว้างขวางนะ สงสัยจะต้องเขียนซะแล้วว่าโรงพยาบาลชุ่ย ให้คนไข้รอนาน”
อึ้งครับ............
“ผมจำเป็นครับ คนไข้ที่มาที่นี่ก็รีบด่วนกันทุกคนแต่เราก็ต้องตรวจตามความเร่งด่วนของโรค ที่จุดคัดกรองเค้าคัดมาแล้วว่าหลานคุณ อาการไม่ได้รีบด่วนมาก(สีเขียว) เพราะฉะนั้นผมต้องไปตรวจคนไข้ที่รีบด่วนกว่าก่อน (สีแดงหรือสีเหลือง) เพราะผมเองก็ต้องทำตามหน้าที่ และต้องให้คนไข้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ตามทรัพยากรที่เรามีอยู่”
จากนั้นหมอหนุ่มก็ไปตรวจคนไข้ที่รีบด่วนกว่าเหมือนเดิมครับ ปล่อยให้ญาติ โวยวายงุบงิบๆ ไปสักพักแล้วก็ค่อยไปตรวจเมื่อถึงคิว สรุปเด็กเป็นประมาณท้องอืดครับ ไปกินบุฟเฟต์มา กินเยอะแล้วก็นอนเลย เลยเหมือนอืดๆท้อง ประมาณนั้น
ผมได้มีโอกาสคุยกับหมอคนนี้ครับ
“ไม่กลัวโดนเหรอพี่”
“พี่ว่าพี่ทำในสิ่งที่ถูกนะ คนไข้ในวันนั้น ก็รักษาดีทุกคนไม่มีคนไข้คนไหนมีปัญหา เราทำตามหน้าที่ ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกและเหมาะสมที่สุด ด้วยทรัพยากรแค่นี้ คนแค่นี้ กับคนไข้เท่านี้พี่ว่าพี่ก็ทำเต็มที่ได้เท่านี้แหละ ถ้าเค้าอยากจะเขียนหรืออยากจะทำอะไรก็ทำไป พี่ทำแล้วคนไข้รอดหมด ดีหมด ทำดีที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกมั้ง”
“พี่หล่อวะ”
“พี่รู้”
จบการสนทนา........
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
หรือในบางกรณีก็จะมีคนไข้ที่อยาก VIP แบบไม่ทราบสาเหตุครับและเข้าใจว่าตัวเองหรือญาติเป็นคนไข้ VIP แบบเหตุผลงงๆ
ตัวอย่างเหตุการณ์
หมอหนุ่มคนหนึ่งตรวจผู้ป่วยนอกอยู่ครับ คนไข้รอตรวจบานตะไท ประมาณ 100-120 คนละครับ ตรวจกันไปคนที่รออยู่ข้างนอก ก็รอไป แพทย์ก็ตรวจอัดเต็มสปีดไป ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาครับอายุ ประมาณ 30 ปลายๆ พาลูกชายอายุประมาณ 8 ปี มาตรวจด้วยเรื่องเหมือนเป็นหวัดมีน้ำมูกไหล เจ็บคอประมาณนี้
“คนไข้คนต่อไปเชิญเลยครับ”
ชายคนนี้ก็พาลูกเดินตรงเข้ามาในห้องตรวจเลยครับ แซงคิวต่อไปเข้ามาดื้อๆ
“เอ่อ.... ผมหมายถึงคิวถัดไปนะครับ ตามคิวครับ”
“ขอผมก่อนได้ไหม เนี่ยลูกผมน้ำมูกไหลมา 3-4 วันแล้วสงสารมัน มันงอแงไม่ค่อยอยากรอแล้วด้วย”
“ก็ต้องตามคิวอ่ะครับ (คิวต่อไปเป็นเด็ก 5 ขวบไม่อยากจะพูด)”
ชายคนนั้นก็เหลือบมาเห็นตราที่หน้าอกเสื้อกาวน์ของแพทย์ครับ
“อ้าวหมอจบ ......(โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง)ใช่ไหม”
“ครับ”
“หมอรู้จักอาจารย์.........หรือเปล่า”
“ครับรู้จักครับ”
“เนี่ย ลูกผมทำคลอดที่นั่นนะเป็นคนไข้พิเศษของอาจารย์............. หมอจบจากที่นั่นใช่ไหม งั้นก็ลูกศิษย์อาจารย์.........นะสิ”
“ครับ”
พอตอบ “ครับ” เท่านั้นละครับ
ลูกพี่ก็พาลูกมานั่งเลยครับ แล้วก็จะเริ่มเล่าอาการ
“เนี่ยลูกผม.....”
“ขอโทษนะครับ ผมตรวจตามคิวนะครับ”
“เอ่อ....ลูกผมเป็นคนไข้พิเศษอาจารย์................”
“ทราบครับ แต่ยังไม่ถึงคิวครับ”
“นิดๆหน่อยๆนะหมอ ครูลูกศิษย์กัน น้ำใจ.............”
“ตามคิวละกันนะครับ เชิญรอข้างนอกละกันนะ”
ก็ต้องออกไปรอข้างนอกกันตามระเบียบละครับ
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
คนนี้เล่นเอางงเหมือนกันครับ การรู้จักอาจารย์หมอที่มีชื่อเสียง เคยเป็นคนไข้มาก่อน เป็นคนไข้พิเศษ ไม่พิเศษ ใส่ไข่ เพิ่มเส้นอะไรก็ตามแต่ บางครั้งคนไข้ก็จะเข้าใจว่าตนเองจะได้รับสิทธิพิเศษใดๆที่จะไปตรวจกับหมอท่านอื่นที่อาจจะเป็นลูกศิษย์ เด็กกว่า จบจากสถาบันเดียวกันได้แบบงงๆ ซึ่งจริงๆแล้วไม่เกี่ยวกันนะครับ
ในทางกลับกัน คนไข้บางส่วน (ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) ก็น่ารักนะครับ ไม่ได้แสดงหรือโชว์กร่างใดๆเวลามาโรงพยาบาลรักษากติกาทุกอย่าง
ผมยังเคยเจอคนไข้คนหนึ่งที่บริจาคสร้างตึกโรงพยาบาล 1 ตึกเลยนะครับ (งบประมาณหลายสิบล้านอยู่) มานั่งรอตรวจอยู่หน้าห้องเลยครับ ไม่ได้มาโชว์กร่างหรือแสดงว่าตัวเองจะขอตรวจก่อนแต่อย่างใด จนเข้ามาในห้องตรวจละครับถึงได้รู้ว่ามารอตรวจ
“ผมบริจาคให้โรงพยาบาลไปแล้ว ก็เป็นของโรงพยาบาล จะมาทวงบุญคุณหาสิทธิพิเศษ ไม่ใช่นิสัยผม คนไข้ที่มาตรวจเค้าก็เจ็บป่วยกันทุกคนนะแหละ คนเราต้องรักษากติกา ถ้าผมมาตรวจ อาการไม่ได้จะตายแล้ว มันมีคิวอยู่ ผมมาช้ากว่าผมก็ต้องรอสังคมมันถึงจะอยู่ได้” เค้าว่างั้นนะฮะ
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งนะครับ ของคนไข้ที่ VIP และ พยายามจะ VIP ที่นำมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆ ซึ่งอย่างที่ผมเรียนให้ทราบในตอนต้นครับว่า หมอส่วนใหญ่ก็จะรักษาและปฏิบัติกับคนไข้เสมอกัน เพราะโรคภัยไข้เจ็บมันก็ไม่ค่อยได้เลือกหรอกครับว่าจะเกิดใน VIP หรือ ไม่ VIP (แม้ในบางโรคจะมีปัจจัยด้านสังคมและความเป็นอยู่เข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง)
ซึ่งทุกอย่างก็จะมีกฎ กติกา ระเบียบของโรงพยาบาลอยู่แล้ว ในคนไข้ที่ฉุกเฉิน อาการแย่มาก ไม่รีบตรวจจะแย่แน่ ก็ต้องรีบตรวจก่อน คนไข้ที่อาการพอรอได้ ไม่ได้แย่ ก็ต้องรอตามคิว เป็นหลักการทั่วไปละครับ
ไว้มาต่อกันคราวหน้านะครับ
และเนื่องในโอกาสปีใหม่ที่จะมาถึง ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้คุณผู้อ่านทุกท่าน (โดยเฉพาะ fanpage หมอใหม่หัวใจแนว จบช่วงโฆษณา) มีความสุข และสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ตลอดไปนะครับ
สวัสดีปีใหม่ เจอกันปีหน้าครับ
คำแนะนำทำใจก่อนอ่านบล็อก
1. บล็อกนี้เป็นบล็อกเพื่อสุขภาพและความบันเทิง
2.ข้อมูลในบล็อกนี้ไม่ควรนำไปอ้างอิง แต่ถ้าจะส่งต่อเพื่อความรู้และความเข้าใจ เชิญเลยจ้ะ
3.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบล็อก
4.หากจะรักษาโรคใดๆ หรือต้องการข้อมูลสุขภาพสำหรับแต่ละบุคคล ปรึกษาแพทย์โดยตรงเลยดีกว่าจ้ะ
2.ข้อมูลในบล็อกนี้ไม่ควรนำไปอ้างอิง แต่ถ้าจะส่งต่อเพื่อความรู้และความเข้าใจ เชิญเลยจ้ะ
3.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบล็อก
4.หากจะรักษาโรคใดๆ หรือต้องการข้อมูลสุขภาพสำหรับแต่ละบุคคล ปรึกษาแพทย์โดยตรงเลยดีกว่าจ้ะ
วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
บทที่ 8 : คนไข้แบบนี้...........(ภาคแรก)
สวัสดีครับทุกท่าน ห่างหายกันไปนานเลย
นานแค่ไหน ก็ประมาณ 6 เดือนหรือครึ่งปีเท่านั้นเองครับ
(นานจนลืม และผมมั่นใจว่าหลายๆท่านอาจจะคิดว่า เอ่อ ไอ้หมอนี่ยังอยู่เหรอ)
ยังอยู่ครับ ^^” เพียงแต่ติดภารกิจบางประการและหมดมุข
เลยทำให้ขาดช่วงไปบ้าง ใครสนใจว่าผมเป็นใคร เคยเขียนอะไรไว้ ก็หาเอาตาม facebook
ได้ครับ เพราะกระทู้เก่าๆ น่าจะระเหิดไปแล้วมั้ง ไม่แน่ใจ
เพราะกระทู้ผมเองก็ไม่ได้เป็นขั้นกระทู้ทรงคุณค่าแพลตินั่มอะไร หรือหาจาก พี่ Google
ก็ได้ครับ พี่เค้ารู้หมดเรื่องของผมนะ search “หมอใหม่หัวใจแนว”
นะครับ (แหนะ แอบมีโฆษณาเล็กๆ)
งั้นมาเข้าเรื่องบทนี้กันดีกว่าครับ
เมื่อจะเล่าเรื่องอะไรก็ต้องมีการปูเรื่องและเท้าความกันสักนิด
เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาจากการที่ได้มีโอกาสไปพูดให้เด็กๆที่อยากเป็นหมอฟังนี่ละครับ
แล้วมีคำถามหนึ่งที่ กระแทกใจจุงเบยจากเด็กๆ
“เคยมีคนไข้ที่กวนๆไหมคะ” ประจวบเหมาะกับไปตรงกับคำถามคำถามหนึ่งที่เคยถามผมไว้ในเว็บบอร์ด (pantip) แห่งนี้ละครับ เมื่อประมาณ......ประมาณ........ประมาณ........................เอ่อ...........ช่างเถอะ ว่า
“คนไข้ประเภทไหนที่คนเป็นหมอคิดว่ารับมือยากที่สุดคะ”
จากคุณ นั่งตกปลาใต้ต้นตาลติดตลิ่ง
ซึ่งผมก็ได้ให้สิทธิ เป็นสิทธิในการขึ้นบันไดเลื่อนฟรีที่
ห้าง BIG
D ทุกสาขา (ต้องขอบคุณห้าง BIG D มา ณ
ที่นี้ด้วย)
จากทั้งหมดทั้งมวลนี้เองจึงได้เป็นข้อสรุปในการเกิดเรื่องนี้ขึ้น
ตอนแรกว่าจะตั้งหัวข้อเรื่องว่า “คนไข้แบบนี้รับมือยาก....จุงเบย” แต่ก็นั่นละครับ
คนไข้ก็คือคนไข้ จะไปใช้คำว่า “รับมือ” ก็อาจจะดู ใจร้างจุงเบยไปหน่อย
งั้นเรื่องนี้ให้เติมกันเองแล้วกันตามความรู้สึกของทุกท่านเลยว่าหากท่านเป็นหมอท่านเจอคนไข้แบบนี้จะทำอย่างไร (และอีกอย่างรู้สึกแปลกๆกับไอ้จุงเบยเนี่ยแหละ)
เพื่อความสนุกและอารมณ์ร่วม
เวลาดูละครก็ยังต้องมีอาการอินเลยเนาะ (ประหนึ่งว่าเป็นมุนินทร์)
แต่ไม่ต้องถึงขั้นไปตบใครหน้ากระทรวงนะฮะ
เอาแค่จินตนาการสนุกๆก็พอว่าถ้าท่านเป็นหมอ ท่านจะทำอย่างไร
โดยแน่นอนครับเมื่อท่านเป็นหมอก็ต้องมีข้อแม้ของการเป็นหมอกันสักหน่อย
1.
ท่านเลือกคนไข้ไม่ได้ครับ
คงต้องเจอบ้าง มาแบบไหนก็ต้องรักษากัน
เต็มที่เท่าที่จะทำได้
2.
ท่านไม่สามารถบอกว่าไม่รักษาคนไข้คนนี้
ปล่อยไว้ตรงนี้ ช่างเค้าไม่
สนใจไม่ได้ครับ
3.
การตอบโต้ใดของท่านจะส่งผลถึงการฟ้องร้อง
ร้องเรียน ทั้งต่อหน่วย
งานที่สังกัด ออกสื่อ ปัญหามากมายที่จะตามมา
4.
เอาละเอาข้อแม้แค่นี้ก่อนจริงๆยังมีข้อแม้อีกหลายๆอย่างนะครับแต่จะ
เครียดกันเกินไปละ
เอาฮาหน่า......
คนไข้ที่มารักษาตามโรงพยาบาลเนี่ยมีหลายรูปแบบนะครับ
แต่โดยส่วนใหญ่ก็เป็นคนไข้ที่อยากหาย มาตรวจตามปกติ รับยา ปรึกษาหมอ
ซึ่งแน่นอนครับคนไข้นี้เป็นคนไข้ที่ควรจะเป็น
หมอก็รักษาไปไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา
แต่จริงๆแล้วคนไข้เองบางครั้งไม่ได้มาแบบนี้ครับ (เฮ้ย!!!) มาแบบไหน มาแบบที่หมอเห็นแล้วก็...........
เอ้า !!! แบบไหนจัดเลยแล้วกัน
(การจัดลำดับไม่ได้อยู่กับผลการโหวตและคะแนนนะครับ บร๊ะ ยังกะนางงาม)
1. คนไข้เมา
มาแรงแซงทางโค้งกระจุยกระจาย
กับคนไข้เมาครับ ในการเป็นหมอเนี่ย มีหลายๆครั้งครับที่ต้องตรวจคนเมา
เมาทุกรูปแบบครับ เมาเหล้า เมายา เมารัก (อันนี้มีจริงนะเออ)
คนไข้เมามักจะมาที่ไหนแน่นอนครับ
มาที่ห้องฉุกเฉิน สาเหตุที่มาก็อุบัติเหตุ กู้ภัยนำส่ง ญาติพามา เพื่อนพามา
คนรู้จัก คนที่ชน ต่างๆนานา ซึ่งแน่นอนครับโอกาสที่คนไข้มาเองมีบ้างแต่ไม่ค่อยบ่อย
คนไข้เมามาที่โรงพยาบาลหมอหลายๆคนต้องคิดบ้างละว่า
“งานเข้าอีกละ” ทำไมละ
ประเด็นแรก บางครั้ง คนเมาให้ประวัติมั่วซั่วครับ ถ้าคนไข้มาด้วยประวัติ
อุบัติเหตุ
และดูเมาๆ ส่วนใหญ่ก็จะซักประวัติจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เจ้า
หน้าที่นำส่ง
แล้วตรวจร่างกายประกอบ
แต่ถ้าไม่ได้มาด้วยอุบัติเหตุอันนี้ลำบากกว่าครับ(จากที่ลำบากอยู่แล้ว)
แล้วยิ่งมาคนเดียวด้วยนะ
ไม่มีญาติหรือคนรู้เรื่องมาด้วย อันนี้ไปกันใหญ่
ครับ และอย่างที่ผมเคยบอกว่า
การที่แพทย์จะวินิจฉัยโรคอะไรนั้นก็เป็น
การซักประวัติ ตรวจร่างกาย
เป็นข้อมูลหลักที่ใช้ในการตัดสินใจ จากนั้น
ค่อยไปเจาะเลือด
และเอกซเรย์เพิ่มเติมตามโรคที่สงสัยว่าจะเป็น
เพราะฉะนั้น ถ้าประวัติมามั่ว
การตรวจร่างกาย เจาะเลือด เอกซเรย์อะไรบาง
ครั้งก็ทำได้ลำบากครับ
เพราะเริ่มต้นก็ยังไม่รู้เลยว่าน่าจะเป็นโรคอะไร
ตัวอย่างการสนทนาที่เคยประสบ
คนเมาสัก 55 ปีครับ ดวดยาดอง + 40 ดีกรีมา
(ผู้ปกครองควรพิจารณา) แอ๋มาเลยครับ ตี 2 เดินเข้าห้องฉุกเฉินมา
ประกาศลั่น
“หมอ !!!! พยาบาล !!!!! เฮ้ยยยยยยย !!!!
อยู่ไหนวะ !!!!”
“มีไรครับลุง เป็นไรมา”
บุรุษพยาบาลทัก
“ปวดหัววะ เป็นไข้ อยากเจอหมอ”
“ปวดแบบไหนละ”
“เอาน่าก็อยากเจอหมอนะ
มีไข้สูงมาหลายวันแล้ว หนาวสั่นไปหมด”
พยาบาลก็วัดไข้ครับ วัดได้ ประมาณ
37.3 องศาเซลเซียส
“ไม่มีไข้นะ”
“ก็ที่บ้านมันมี หนาวสั่นไปหมด
นี่กินยาลดไข้มา”
พยาบาลก็เลยตามผมไปดูครับ
“ลุงมีไข้มาเหรอครับ”
“เออ”
“มีมากี่วัน”
“จะ 2 อาทิตย์แล้ว”
“แล้วทำไมเพิ่งมาตอนนี้ละ
ไปรักษาที่อื่นมารึเปล่า”
“จะไปที่อื่นมาได้ไง
ไข้ขึ้นเมื่อวาน ถามไรไม่ได้เรื่อง”
“อ่าว สรุปไข้ขึ้นเมื่อไร”
“ก็เป็นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เกิดแหละ
เป็นๆหายๆ เป็นๆ หายๆ อยากมารักษาให้หายขาด”
“ที่เป็นไข้เป็นๆหายๆเนี่ย
เคยไปหาหมอรึเปล่า”
“ไม่เคย กินยาเอา กินแล้วก็หาย”
“แล้วครั้งนี้เป็นมากี่วัน”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่ได้ไข้ขึ้นเว้ย
เอ็งเอาอะไรมาพูดหมอ” แล้วก็โซเซๆ ครับ ฟุบหลับคาเตียง
“ลุง ลุง เป็นไง ตอบหน่อย”
“คนจะหลับจะนอนอย่ายุ่งดิ
หมออะไรวะ กวนคนไข้อยู่ได้”
“แล้วสรุปเป็นไข้ป่ะ ลุงครับ ลุง...”
“ZZZZZZZZ แจ๊บๆ”
ตอนนั้นสิ่งที่คิด ก็คือ !@#$%^&*()_ Z ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไง ได้แต่มองหน้าคุณพยาบาล
จากนั้นก็เลยให้นอนอยู่ตรงนั้นก่อนครับ ติดต่อญาติก็ไม่รู้จะติดต่อยังไง
หมดทั้งตัวไม่มีอะไรเลย
ซึ่งตอนเช้าค่อยมาประเมินอีกที
“เหรอ ลุงไม่รู้ตัวเลย 555555 ลุงพูดยังงั้นเหรอ 55555555ไม่ร้อกก ลุงสบายดี เตะปี๊บดัง ไม่เคยป่วย ลุงกลับก่อนนะ 555555”
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
ประเด็นถัดมาคนไข้เมา บางคนอาละวาดครับ นอกจากคุยกันไม่รู้เรื่อง
แล้ว ยังเหมือนจะมาอาละวาดที่โรงพยาบาลอีก มาทั้งรูปแบบคนไข้ หรือมา
อารมณ์เป็นญาติ คนไข้บางคนเคยตรวจตอนที่ไม่มีเหล้ามาร่วม ก็ดูดีนะ
ครับ แต่พอมาอีกครั้ง ในรูปแบบเมาเหมือนเป็นคนไข้คนละคนเลยทีเดียว
ตัวอย่างการสนทนาที่เคยประสบ (ขออนุญาตมีมึงกูในบางประโยคเพื่ออรรถรสนะครับ)
ชาย 52 ปีครับ มาด้วยเรื่องปวดหัว
แต่แน่นอนครับเป็นหลังจากกินเหล้า
พุ่งเข้ามาใน ห้องฉุกเฉินเลยครับ
ไม่สนใจคุณพยาบาลเจ้าหน้าที่คัดกรองใดๆทั้งสิ้น แล้วประกาศเสียงอย่างดัง
“เฮ้ย หมอ !! เอายาแก้ปวดมาหน่อย”
“ลุงเป็นไรมาครับ”
“ปวดหัว เอายามาก่อน”
“ปวดยังไง มีไข้รึเปล่า”
“ไอ้.......!@#$%^&*()_+_)(*&^%$#@! (มันส์กว่า
แรงเงาแน่ๆ) ก็หลุดมาหมดละครับ สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่
ปล่อยสัตว์กันเพ่นพ่านโรงพยาบาลจับกันไม่ทันทีเดียว”
“ก็ ต้องซักประวัติก่อนนะครับ
ถึงจะรู้ว่าเป็นโรคอะไรจะได้ให้ยาแก้ปวดถูกตัว ถูกโรค”
“เอ้านี่ อะไรวะ น้ำใจ น้ำใจ นะ เฮ้ย !@#$%^&*()__(&^%$# (จัดต่อ) ”
สักพัก ก็ต้องตาม รปภ.
มาช่วยกันดูลุงละครับ ว่าจะอาละวาดมากน้อยแค่ไหน ตอนแรกแกก็จะไม่ยอมฟังอะไรละครับ
ไม่ให้ตรวจไม่ให้อะไรทั้งสิ้น จะเอายาแก้ปวดเท่านั้น
สักพัก ผู้สงบทุกอย่าง
ก็ปรากฏตัวอย่างอัศจรรย์ครับ
“ เมีย” สั้นๆง่ายๆได้ใจความ
มาปุ๊บ
“มึงเอาเงินไปกินเหล้ามาใช่ไหม”
ลุงดูอาการดีขึ้นทันควันครับ
“เปล่าจ้ะ ก็ไม่ได้กินนี่
จะไปซื้อของ เจอเพื่อนนิดหน่อย แหม่ ก็เพื่อนร่วมรุ่นกัน”
“รุ่นไร มึงจบ ป. 4”
“ก็ เพื่อนสมัย ป. 4 ไงจ๊ะ มันนัดฉลองเลี้ยงรุ่นกันที พี่ไม่ได้อยากไป
แต่ก็นะ มันก็คะยั้นคะยอ”
คำพูดดูดีขึ้นชัดเจนครับ
แต่เหมือนจะสีหน้าไม่สู้ดี ปากสั่น มือสั่น หัวใจเต้นเร็ว
ลักษณะเหมือนอาการหวาดกลัวอะไรมากๆ
“เนี่ยปวดหัวจังเลย เมียจ๋า”
“กลับบ้าน !!!”
“อ้าวแล้วเรื่องปวดหัว??”
“ไม่ปวดครับ
ไม่ปวดแล้วจริงๆครับหมอ ให้ผมกลับเถอะครับ”
“เอ๋ ??????”
ถ้าเป็นการ์ตูนตอนนี้ผมก็มีเครื่องหมายคำถามใหญ่ๆอยู่บนหัวละครับ
“ไม่ปวดแล้วครับ สบายดีครับ
กลับละครับ”
งงครับ งงกันทั้งโรงพยาบาล
ก่อนกลับก็เลยแนะนำอาการเรื่องปวดหัว
ให้หยุดเหล้า แล้วก็ให้ยาแก้ปวดไปเผื่อนะครับ ภรรยาลุงก็ขอโทษขอโพยยกใหญ่
และสันนิษฐานว่าเบื้องต้น ลุงน่าจะโดนจัดคืนนี้อย่างหนัก
ได้แต่ภาวนาให้คุณป้ายั้งมือไว้บ้าง
ถ้าท่านเป็นหมอ
คนไข้แบบนี้............
ประเด็นสุดท้าย คนไข้เมาบางครั้งเค้าไม่ได้อยากมาโรงพยาบาลและไม่ได้
อยากรักษานะครับ
อ้าวแล้วมาได้ไง ประเด็นนี้โดยส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น
อุบัติเหตนี่ละครับ
จากนั้นก็เป็น เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งบ้าง ญาติพามาบ้าง ผู้
หวังดีพามาบ้าง
ซึ่งก็แน่ละครับ การนำส่งโรงพยาบาลเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำ
แต่ในบางกรณี ปัญหามันตามมาหลังจากที่คนไข้มาถึงโรงพยาบาลนี่ละ
ครับ บางครั้งด้วยความเมาละครับ เมาแล้วเก่ง เทพ บินได้ (อย่างกะพี่ตูน)
แม้จะต้องรักษาขนาดไหนก็ปฏิเสธ ไม่ยอม อธิบายเท่าไรก็ไม่ฟัง (ก็แน่ละ
เมานี่หว่า) ด่าสวน อาละวาด ไม่ร่วมมือ ไม่ยอมให้เย็บ ไม่เข้าเฝือก บางกรณี
มีเดินออกไปจากโรงพยาบาลเลยก็มีครับ คนนำส่งก็งง หมอกับเจ้าหน้าที่ก็
งง ญาติก็ต้องตามออกไปพูดก็ไม่สนใจ หมอกับเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
ละครับ...
แต่ในบางกรณี ปัญหามันตามมาหลังจากที่คนไข้มาถึงโรงพยาบาลนี่ละ
ครับ บางครั้งด้วยความเมาละครับ เมาแล้วเก่ง เทพ บินได้ (อย่างกะพี่ตูน)
แม้จะต้องรักษาขนาดไหนก็ปฏิเสธ ไม่ยอม อธิบายเท่าไรก็ไม่ฟัง (ก็แน่ละ
เมานี่หว่า) ด่าสวน อาละวาด ไม่ร่วมมือ ไม่ยอมให้เย็บ ไม่เข้าเฝือก บางกรณี
มีเดินออกไปจากโรงพยาบาลเลยก็มีครับ คนนำส่งก็งง หมอกับเจ้าหน้าที่ก็
งง ญาติก็ต้องตามออกไปพูดก็ไม่สนใจ หมอกับเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
ละครับ...
ตัวอย่างการสนทนาที่เคยประสบ
ชาย 20 ปีครับ ญาติผู้หญิงนำส่ง ด้วยเรื่อง
มีแผลที่ศีรษะครับ สรุปคือไปกินเหล้ามาครับ แล้วไปมีเรื่องกับโต๊ะข้างๆ
โดนเค้าตีหัวมา ไม่สลบ มีแผลที่หัวซึ่งต้องเย็บแน่ๆ คนไข้ไม่ได้จะมาโรงพยาบาลครับ
หลังจากถูกตีหัวเสร็จบังเอิญว่าญาติผู้หญิง(พี่สาว)จะไปรับกลับบ้าน เห็นแผลครับ
เลยพามาโรงพยาบาลก่อน สังเกตตั้งแต่จะเข้ามาแล้วครับ พี่สาวก็ทั้งดึงทั้งลาก
(พี่สาวตัวใหญ่กว่า) เลือดก็หยดมาตามทางละครับ พอมาถึงก็คงจะต้องเย็บ
พอบอกจะเย็บครับ คนไข้ไม่เอาเลยครับ ไม่เย็บ ไม่ได้กลัวเข็ม ไม่ได้กลัวเลือด
แต่ไม่เย็บ
“แผลยาวเลือดออกมากขนาดนี้คงต้องเย็บนะครับ”
“ไม่เย็บ”
“เลือดออกมากจะเสียเลือดมาก
อาจจะช็อคได้นะ”
“ช่าง ผมไม่เป็นไร ให้ผมกลับบ้าน”
พี่สาวคนไข้ “จะกลับได้ไง
อยู่นี่แหละ กลับไปเดี๋ยวก็มีปัญหาอีก”
“นั่นสิ
หมอว่าเย็บเลยจะปลอดภัยกว่า แป๊บเดียว ฉีดยาชา”
“ไม่เย็บไง !!! มันหายเอง ไม่เย็บก็ไม่เย็บ ไกลหัวใจ”
จะลุกออกจากโรงพยาบาล
พี่สาวคนไข้ “แต่มันใกล้สมองโว้ย
เย็บก็เชื่อหมอดิ” จับแขนไว้
“ไม่เย็บบบบบบบบ”
จากนั้นคนไข้ก็สลัดตัวดิ้นสุดชีวิตแล้ววิ่ง
ออกจากห้องฉุกเฉินครับ !!!
เร็วขนาดที่คิดว่าถ้ามีสติดีจะแนะนำให้ไปคัดตัวทีมชาติ
ประเด็นถัดมาคือญาติก็ตามไปครับ
แต่ตามกันไปจนออกไปนอกโรงพยาบาลแล้วก็เห็นพากันขึ้นรถขับออกไปเลย
10 นาทีกลับมาใหม่ครับ คนไข้หน้ามืด
เลือดออกเยอะครับ ดิ้นไม่ไหว พี่สาวก็เลยพากลับมาโรงพยาบาลใหม่ เลยได้ทั้งเย็บ
นอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือกันไปต่อ
ถ้าท่านเป็นหมอ
คนไข้แบบนี้............
เห็นไหมครับ ว่าคนไข้เมานี่ ไม่ธรรมดาครับ นอกจากจะต้องดูเรื่องโรคที่เป็น อาการที่มาแล้ว ยังต้องคิดถึงความเมาที่จะทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นก็อย่ากินกันเลยครับ สุรา นะ ยิ่งใกล้ช่วงปีใหม่ด้วย ไม่กินเป็นการดี แต่ถ้าชีวิตนี้ถึงขั้นขาดเหล้าไม่ได้ ก็อย่าถึงขั้นขาดสติ เมาแล้วอย่าขับ อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น และ(สุขภาพ)ตัวเองเลยนะครับ
ยังมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจ
ไว้มาต่อคราวหน้าครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)